วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
18 ม.ค. 68 - 31 ม.ค. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
08 ก.พ. 68 - 21 ก.พ. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
15 มี.ค. 68 - 28 มี.ค. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
05 เม.ย. 68 - 18 เม.ย. 68 | 119,898 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
18 ต.ค. 68 - 31 ต.ค. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
15 พ.ย. 68 - 28 พ.ย. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
29 พ.ย. 68 - 12 ธ.ค. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
06 ธ.ค. 68 - 19 ธ.ค. 68 | 109,850 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
25 ธ.ค. 68 - 07 ม.ค. 69 | 119,898 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
16.00 น. ทุกท่านพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ ชั้น 4 ทางเข้าที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบินไทย Row H พบกับทีมงานที่จะคอยดูแลและอำนวยความสะดวก
19.00 น. ออกเดินทางไปยัง เมืองอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 349 ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง 10 นาที
22.10 น. เดินทางถึง สนามบินอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) ประเทศปากีสถาน จากนั้นเดินทางสู่ โรงแรมที่พัก HILL VIEW 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่สนามบินอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) เพื่อเดินทางสู่ เมืองกิลกิต (Gilgit) ไฟลท์บินจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ผ่านวิวทิวทัศน์ ที่งดงาม (ไฟลท์บินยังไม่ระบุเวลา โดยจะเลือกไฟลท์ที่เหมาะสมที่สุดแก่การเดินทาง ปกติมักจะเป็นไฟลท์เช้า) เดินทางถึงเมืองกิลกิต (Gilgit) อยู่ในเขตปกครองพิเศษกิลกิต-บัลติสถาน Gilgit-Baltistan มีเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลกมาอยู่รวมกัน ได้แก่ เทือกเขา Karakoram และเทือกเขาหิมาลัยตะวันตก ภูเขา Pamir อยู่ทางทิศเหนือและ Hindu Kush ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ท่ามกลางเทือกเขาที่สูงที่สุดคือ K2 (Mount Godwin-Austen สูงเป็นลำดับ 2 ของโลก 8,611 m ) และ Nanga Parbat ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยังเคยเป็นจุดแวะสำคัญในเส้นทางสายไหม นอกเหนือจากการค้าผ้าไหม เครื่องเทศ และสินค้าอื่น ๆ แล้ว เส้นทางเครือข่ายนี้มีบทบาทสำคัญในการเป็นทางผ่านถ่ายทอดวัฒนธรรม ศาสนา และอารยธรรมมานานหลายศตวรรษ และยังเป็นหนึ่งในเส้นทางการเผยแพร่พระพุทธศาสนาจากอินเดียไปสู่เอเชีย
**หมายเหตุ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการเดินทาง กรณีที่สายการบินยกเลิกเที่ยวบิน หรือ สายการบินดีเลย์ เนื่องด้วยสภาพดินฟ้าอากาศที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้หรือ ด้วยเหตุผลทางเทคนิคของสายการบินโดยการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สายการบิน ทั้งนี้บริษัทฯ จะยึดถือผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญในกรณีการปรับแผนการเดินทาง ทางบริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการปรับแผนการเดินทางใหม่ โดยการนั่งรถแทนเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและใกล้เคียงกับแผนเดิมที่ได้วางไว้อย่างใกล้เคียงที่สุด**
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เส้นทางหลวงคาราโครัม (Karakoram Highway) 8 th Wonder of the World ทางหลวง Karakoram เป็นทางหลวงระหว่างประเทศที่ปูด้วยหินที่สูงที่สุดและยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังถูกมองว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดอันดับที่ 15 ของโลกในด้านความสวยงามของทิวทัศน์อีกด้วย ทางหลวง Karakoram ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลของปากีสถานและจีนในช่วงระยะยาว เป็นเวลาเกือบยี่สิบปี (พ.ศ. 2502-2521) เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ ภูเขาสูง ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ และภูมิประเทศที่ยากลำบาก ถนนอันยิ่งใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์และการพึ่งพาอาศัยกันทางภูมิศาสตร์ระหว่างสองประเทศ – จีนและปากีสถาน – เรียกอีกอย่างว่าทางหลวงมิตรภาพ เดินทางสู่ เมืองคาริมาบัด (Karimabad) หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า เมืองบัลติท (Baltit) ตั้งแห่งหุบเขาฮุนซา (Hunza Valley) เป็นหุบเขาในเมืองกิลกิต (Gilgit Valle) ซึ่งอยู่ใน เขตปกครองพิเศษกิลกิต-บาลิสถาน (Gilgit- Baltistan) ดินแดนใต้ การปกครองของรัฐบาลปากีสถาน ซึ่งชาวบ้านในเมืองส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายอิสมาอิล ระหว่างทางนำท่านสู่จุดชมวิวยอดเขาราคาโปชิ (Rakaposhi Viewpoint) สัมผัสความสวยงามของเทือกเขาคาราโปชิที่ปกคลุมด้วยหิมะอย่างใกล้ชิด ยอดเขาแห่งนี้มีความสูง 7,790 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลและถูกจัดอันดับความสูงอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชมพระอาทิตย์ยามเย็นที่หุบเขาดุยเกอร์ (Dukhair Valley ) ดื่มด่ำทิวทัศน์สุดอลังการ ท่ามกลางเทือกเขาสลับซับซ้อนสูงตระหง่านกว่า 6000 เมตร ของยอดเขาราคาโพชิ (Rakaposhi) 7788 เมตร, ยอดเขาดิรันพีค (Diran Peak), ยอดเขาโกลเด้นพีค (Gloden Peak), ยอดเขาอัลเทอร์พีค (Ulter Peak), ยอดเขาฮุนซ่าพีค (Hunza Peak), ยอดเขาเลดี้ฟิงเกอร์ (Lady Finger) ได้เวลาอันสมควรนำท่านเข้าโรงแรมที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hard Rock Resort 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ป้อมปราการ Altit Fort ป้อม Altit เป็นป้อมปราการโบราณใน เมือง Altitในหุบเขา HunzaในGilgit Baltistanประเทศปากีสถานเดิมทีเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ปกครองสืบเชื้อสายของ รัฐ Hunzaที่มีบรรดาศักดิ์เป็น ' Mir ' แม้ว่าพวกเขาจะย้ายไปยัง ป้อม Baltit ที่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งมีอายุน้อยกว่าเล็กน้อยในสามศตวรรษต่อมาป้อม Altit และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหอคอย Shikari มีอายุประมาณ 1,100 ปีซึ่งทำให้เป็นอนุสรณ์สถานที่เก่าแก่ที่สุดใน Gilgit–Baltistan ป้อมนี้ได้รับ รางวัล UNESCO Asia Pacific Heritage Awardสำหรับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในปี 2011 ให้ท่านเก็บภาพประทับใจได้เวลาอันสมควร นำท่านชมตลาดการค้าพื้นเมือง ท่านจะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนพื้นเมืองซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาชีพปลูกผลไม้เมืองหนาว เช่น แอปเปิ้ล และแอปริคอท เนื่องจากอากาศในหุบเขาแห่งนี้จะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านได้ซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาฮอปเปอร์ (Hopper Valley)เป็นส่วนที่สวยงามของหุบเขา Nagar ชมธารน้ำแข็งฮอปเปอร์ (Hopper Glacier) เป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่จากการทับถมของหิมะอย่างยาวนาน จนกลายเป็นหินได้มีบันทึกว่าธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นธานน้ำแข็งที่เคลื่อนไหวเร็วที่สุดในโลก จากนั้นได้เวลาอันสมควรนำท่านเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Famree Hotel & Resort 5* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม สะพานแขวนฮุซซานี (Hussaini Suspension Bridge) สะพานแขวนมีอายุนับร้อยปี ถูกจัดให้เป็นสถานที่น่ากลัวที่สุดในโลก ซึ่งมีฉากหลังเป็นภาพของหุบเขาพาสสุ มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ หมู่บ้านพาสสุ (Passu) หมู่บ้านเล็ก ๆ ข้างแม่น้ำฮุนซา ตั้งอยู่บนเส้นทางสายคาราโครัมระหว่างทางไปเทือกเขาหิมาลัย ทางตอนใต้ของหมู่บ้านมีธารน้ำแข็งพาสสุ (Passu Glacier) ซึ่งการเดินทางไปนั้นจะเป็นเส้นทาง Trekking ระยะสั้นประมาณ 2 กิโลเมตร ทางด้านหลังของธารน้ำแข็งจะมองเห็นยอดเขา Passu Cones และธารน้ำแข็งพาสสุ ที่ไหลไปเชื่อมกับธารน้ำแข็ง Batura
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากดินถล่มเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 2010 (Attabad Disaster) ลงมากั้นแม่น้ำฮุนซ่าจนกลายเป็นทะเลสาบสีเทอควอยส์แบบนี้ซึ่งทะเลสาบนี้มีความยาว 21 กิโลเมตร และความลึก 100 เมตร รอบๆทะเลสาบบางส่วนจะเห็นดินที่ถล่มลงมาจนกลายเป็นเขื่อนกั้นทะเลสาบ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Luxus Atabad Lake 5* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านกลับสู่เมืองกิลกิต (Gilgit) โดยจะใช้เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ ระหว่างทางชมวิวภูเขาที่สวยงามตลอดทาง แวะชม หุบเขานาลตาร์ (Naltar Valley)เป็นพื้นที่ป่าที่ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ภูเขาอันน่าทึ่ง เป็นหุบเขาที่มีความสวยงาม มีทั้งทุ่งหญ้า มีทั้งทุ่งต้นสน สกีและมีทะเลสาบสามแห่ง ได้แก่ ทะเลสาบ Strangi ทะเลสาบสีน้ำเงิน และทะเลสาบ Bodlok ในช่วงฤดูหนาวคนจะนิยมมาเล่นสกีกันที่นี่
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม พระพุทธรูปคาร์กาห์ (Kargah Buddha)เป็นภาพแกะสลักในหินแสดงภาพพระโคตมพุทธเจ้า มีความสูง 50 ft แกะสลักในข้างผาของหน้าผาในการ์กานาลา คาดว่าอายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 7 พระพุทธรูปยืนถูกแกะสลักไว้บนหน้าผาในหุบเขาคาร์กาห์ (Kargah Valley) ถูกค้นพบในช่วงปี ค.ศ.1938-1939 ห่างจากองค์พระไป ประมาณ 400 เมตร ยังค้นพบเจดีย์ 3 องค์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Avari Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยัง สนามบินกิลกิต (Gilgit Airport) เพื่อเดินทางสู่ เมืองอิสลามาบัด (Islamabad) (ไฟลท์ยังไม่ระบุเวลา) ใช้เวลาในการเดินทางราว 1 ชั่วโมง เดินทางถึงเมืองอิสลามาบัด **หมายเหตุ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนการเดินทาง กรณีที่สายการบินยกเลิกเที่ยวบิน หรือ สายการบินดีเลย์ เนื่องด้วยสภาพดินฟ้าอากาศที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้หรือ ด้วยเหตุผลทางเทคนิคของสายการบินโดยการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สายการบิน ทั้งนี้บริษัทฯ จะยึดถือผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญในกรณีการปรับแผนการเดินทาง ทางบริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการปรับแผนการเดินทางใหม่ โดยการนั่งรถแทนเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและใกล้เคียงกับแผนเดิมที่ได้วางไว้อย่างใกล้เคียงที่สุด**
นำท่านชม อนุสาวรีย์แห่งชาติ Pakistan Monument และพิพิธภัณฑ์มรดกที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของ Shakarparian Hills ใน อิสลามาบัด, ประเทศปากีสถาน อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความสามัคคีของชาวปากีสถาน เพื่อเชิดชูวีรกรรมของวีรุบุรุษชาวปากีสถานผู้พลีชีพ "วันนี้" ของพวกเขาเพื่อ "พรุ่งนี้" ที่ดีกว่า ด้วยระดับความสูงที่ตั้งของอนุสาวรีย์นี้ทำให้สามารถมองเห็นอนุสาวรีย์ได้จากทั่วทั้ง Islamabad-Rawalpindi metropolitan area และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของอิสลามาบัด
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ถูกสร้างโดยกษัตริย์ Faisal bin Abdul-Aziz แห่งซาอุดิอาระเบีย และออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี Vedat Dalokay ผู้ซึ่งได้รับรางวัลสถาปัตยกรรม Agha Khan Award ซึ่งลักษณะของมัสยิดแห่งนี้ถูกออกแบบให้คล้ายกับเต็นท์ของชาว Bedouin ในทะเลทราย มัสยิดแห่งนี้มีขนาดใหญ่โดยสามารถบรรจุผู้เข้าร่วมภายในโดมได้ถึง 10,000 คน นำท่านสู่ย่านช้อปปิ้งอิสระให้ท่านช้อปปิ้งชมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hill View Hotel 4*หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลาฮอร์ (Lahore) เป็นเมืองหลวงและมหานครที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศ โดยแม่น้ำราวีเป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยง เป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของภูมิภาคเอเชียใต้ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นปัญจาบ ใกล้กับชายแดนรัฐปัญจาบของอินเดีย ทั้งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคปัญจาบ และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสรีนิยมก้าวหน้าและเป็นสากลมากที่สุดในปากีสถาน และเคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโมกุลอันยิ่งใหญ่ ที่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าอักบาร์มหาราช จักรพรรดิชาห์ชะฮัน และออรังเซพผู้มั่งคั่งซึ่งต่างเคยพำนักอยู่ที่นี่เดิมเคยอยู่และเคยภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษ
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ภัตตาคาร
นำท่านเข้าชม มัสยิดบัดชาอิ (Badshahi Mosque) ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหน้าเป็นลานกว้างที่จุคนได้ราวห้าหมื่นคนและมีหอสวดมนต์ที่จุคนได้ราวสองพันคน มัสยิดแห่งนี้เคยถูกปล่อยให้รกร้างเกือบ 100 ปี และได้รับการบูรณะกลับมาใหม่ในปี ค.ศ.1960
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Four Points Sheraton Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม ป้อมลาฮอร์ (Lahore Fortress) ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในปี 1981 ป้อมลาฮอร์เป็นพระราชวังโบราณสร้างโดยจักรพรรดิอักบาร์ (Akbar The Great) ในระหว่างปี 2099-2149 เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่สามารถเห็นความแตกต่างของสถาปัตยกรรมโมกุล ในแต่ละยุคสมัยของผู้ปกครองที่ได้สร้างต่อเติมมาเรื่อย ๆ
นำท่านชมประตูเดลี (Delhi Gate) เป็นประตูประวัติศาสตร์ 1 ใน 6 ประตูของกำแพงเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน ประตูนิวเดลีและชาฮีฮัมมัมที่อยู่ติดกันได้รับการบูรณะในปี 2558 โดย Aga Khan Cultural Service ประเทศปากีสถาน
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่บริเวณชายแดนวากาห์ (Wagha Border) ด่านพรมแดนกั้นระหว่างเมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน และเมืองอัตตริ ประเทศอินเดีย ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “กำแพงเบอร์ลินแห่งชมพูทวีป” นำท่านชมพิธีสวนสนามปิดด่านอินเดีย-ปากีสถาน (Wagha-Attari Border Ceremony) ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกช่วงเย็นประมาณ 16.30 น. ของทุกวัน จนเป็นสัญลักษณ์แห่งการให้เกียรติ “มิตรและศัตรู” ของทั้งสองประเทศ พิธีการนี้จึงเป็นเหมือนสนามประลองขนาดย่อมที่มีไว้เพื่อประชันลีลาและความสง่างามระหว่างกัน โดยทหารปากีสถานแต่งกายในชุดทหารสีดำและสวมหมวกทรงคล้ายพัดสีดำ ส่วนทหารอินเดียจะอยู่ในชุดทหารสีน้ำตาล สวมหมวกทรงคล้ายพัดสีแดง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Four Points Sheraton Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาฮาวัลปูร์ (Bahawalpul) เป็นเมืองสำคัญทางตอนใต้ของแคว้นปัญจาบ มีชื่อเสียงในด้านมรดกทางวัฒนธรรมและสถาบันการศึกษา ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐพหวัลปูร์ในอดีต ซึ่งก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีบาฮาวัลข่าน อับบาซีที่ 2 สิ่งนี้ยังคงเป็นรัฐอิสระมานานกว่า 200 ปี ในช่วงการปกครองของมหาเศรษฐีคนสุดท้าย เซอร์ ซาดิก มูฮัมหมัด ข่าน อับบาซีที่ 5 รัฐได้เข้าร่วมกับปากีสถานเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2490 และรวมเข้ากับรัฐปัญจาบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2497 ในสมัยโบราณ Bahawalpur เป็นเมืองแห่งพระราชวัง มีพระราชวังที่สวยงามหลายแห่งเช่น Noor Mahal, Gulzar Mahal, Darbar Mahal และ Sadiq Garh Palace และทั้งนี้ตั้งอยู่ที่ชายขอบของทะเลทราย Cholistan มีอุทยานแห่งชาติ Lal Suhanra
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่าน ขี่อูฐชมป้อมเดราวาร์ (Derawar Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 9 โดย Rai Jajja Bhatti ผู้ปกครองเผ่าฮินดูแห่งตระกูล Bhatti เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการให้กับกษัตริย์ Jaisalmer และ Bahawalpur โดยตอนแรกมีชื่อว่าป้อม “เดรา ราวัล” ต่อมาถูกเรียกว่า “เดรา ราวาร์” และรวบคำเป็น “เดราวาร์” จนถึงปัจจุบัน ต่อมาในศตวรรษที่ 18 ป้อมเดราวาร์ถูกยึดโดยกลุ่มคนมุสลิมและมีการสร้างในรูปแบบใหม่จนมีหน้าตาเหมือนในปัจจุบันนี้ โดยกำแพงป้อมมีความยาวประมาณ 1,500 เมตร และความสูงประมาณ 30 เมตร มีลักษณะเป็นหอคอยโค้งคล้ายทรงกระบอกสร้างขึ้นจากก้อนอิฐ มีจำนวนทั้งหมด 40 ป้อม ตั้งเรียงกัน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel One 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซักเกอร์ (Sukkur)เป็นเมืองในจังหวัดสินธุของปากีสถาน ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสินธุ ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเป็นเมืองเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินทผาลัมที่มีชื่อเสียงมานับร้อยปี ชื่อ Sukkur อาจมาจากคำภาษาอาหรับที่แปลว่า "น้ำตาล" ชัคการ์ เดิมเมืองนี้มีทุ่งอ้อยที่เคยอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคนี้ในอดีต
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม เขื่อนกั้นน้ำซักเกอร์ (Sukkur Barrage) เป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำสินธุ สร้างขึ้นระหว่างการปกครองของอังกฤษระหว่างปี พ.ศ. 2466 ถึง พ.ศ. 2475 และมีชื่อว่า Lloyd Barrage Sukkur Barrage เป็นความภาคภูมิใจของระบบชลประทานของปากีสถาน เนื่องจากเป็นเครือข่ายชลประทานเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขื่อนกั้นน้ำ Sukkur เริ่มก่อสร้างในปี 2466 และเริ่มดำเนินการในปี 2475 จะได้รับการฟื้นฟูและปรับปรุงให้ทันสมัยตามที่รัฐบาลสินธ์โดยได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารโลก
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel One 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่เมืองโมเฮนโจ ดาโร (Mohenjo-Daro) คืออารยะธรรมที่สาบสูญในอินเดีย ถูกสร้างในศตวรรษ ที่ 26 ก่อนคริสตกาล โดยเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุโบราณ ที่รู้จักกันในชื่อ อารยธรรมฮารัปปา ซึ่งพัฒนาประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงสูงสุด อารยธรรมสินธุขยายไปไกลทั่วปากีสถานและอินเดีย โดยฝั่งตะวันตกถึงชายแดนประเทศอิหร่าน ทางใต้ถึงรัฐคุชราตของอินเดีย และทางเหนือถึงด่านนอกที่แบกเตรีย ที่มีใจกลางเมืองที่สำคัญอยู่ที่ฮารัปปา, โมเฮนโจ-ดาโร, โลธาล, คาลิบันกาน, โฑลาวีระ (Dholavira) และราคิการ์ฮี (Rakhigarhi) โมเฮนโจ-ดาโรเป็นเมืองที่พัฒนาที่สุดในเวลานั้น
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมโบราณสถานมรดกโลกเมืองโมเฮนโจ ดาโร (Mohenjo-Daro) เคยเป็นหนึ่งในมหานครที่เก่าแก่ที่สุดในยุคสัมฤทธิ์ (Bronze age) และหนึ่งในเมืองยุคแรกสุดของโลก คู่กับอารยธรรมอียิปต์โบราณ, เมโสโปเตเมีย, ไมนอส และการัล และโบราณสถานแห่งนี้ มีการวางแผนผังเมืองที่เป็นระเบียบและมีความทันสมัยมีระบบระเบียบ มีระบบท่อระบายน้ำ มีสระขนาดใหญ่ภายใต้ตึก 3 ชั้น มีสระอาบน้ำสาธารณะ เมื่ออารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุสิ้นสุดลง โมเฮนโจ-ดาโร ก็ถูกทิ้งไปในศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสตกาล จนกระทั่งคริสทศวรรษที่ 1920 และกลายเป็นมรดกโลกของยูเนสโกใน ค.ศ. 1980
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Indus Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่เมืองไฮเดอราบัด (HYDERABAD)ไฮเดอราบัด เป็นนครในแคว้นสินธ์ ประเทศปากีสถาน เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของแคว้น และมีประชากรมากเป็นอันดับ 8 ของปากีสถาน เมืองสร้างโดยเมียน กูลัม ชาห์ กัลโฮรา แห่งราชวงศ์กัลโฮรา เมื่อปี ค.ศ.1768 ได้เป็นเมืองหลวงของแคว้นสินธ์จนกระทั่งตกเป็นของอังกฤษในปี 1843 จึงได้เปลี่ยนเมืองหลวงมาเป็นการาจี นำท่านชม มัสยิดชาร์ห จาฮาน (Shah Jahan Mosque) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1647 และเสร็จสิ้นในปีคริสต์ศักราช 1659 ในช่วงรัชสมัยของราชวงศ์โมกุล ก่อสร้างโดยใช้สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างเอเชียกลางและอิหร่าน ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกที่มีความละเอียดที่สุดในเอเชียใต้
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองการาจี (Karachi) ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศติดกับทะเลอาหรับ ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของปากีสถาน และยังคงเป็นเมืองหลักของแคว้นสินธ์ นครนี้เป็น ศูนย์กลางทางการเงินและอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ เมืองการาจียังเป็นนครที่มีความเป็นสากล ความหลากหลายทางภาษา เชื้อชาติ และศาสนามากที่สุดของประเทศปากีสถานและเป็นหนึ่งในนครที่มีเสรีภาพทางสังคมและโลกิยนิยมมากที่สุดของประเทศการาจีทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่ง และมีท่าเรือใหญ่สุดสองแห่งของประเทศ คือ ท่าเรือการาจีกับท่าเรือกอซิม นำท่านสู่ Hawksbay beach(ฮอว์กส์เบย์) เป็นชายหาดยอดนิยมชายหาดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลสีเขียวและเต่าทะเลสีเขียวในช่วงฤดูหนาว อิสระให้ท่านเดินเล่นเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Avari Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม พระราชวังโมฮัตตา (Mohatta Palace) เป็นพระราชวังขนาดกลางที่มีจำนวนสามชั้นสร้างด้วยสถาปัตยกรรมในแบบราชาสถานที่มีความสวยงามและมีมนต์เสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง โดยกลายมาเป็นสถานที่ซึ่งมีความเก่าแก่และสวยงามของเมืองการาจี
กลางวัน บริการอาหารกลาง ณ ภัตตาคาร
นำท่านสู่ Jodia Bazaar ชมสีสันตลาดพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของเมืองการาจี มีสินค้าหลายหลาย เช่น ถั่ว ผลไม้แห้ง อื่นๆๆมากมายราคาย่อมเยาว์ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งของฝากตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติจินนาห์ ** อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย**
19.00 น. นำท่านสู่สนามบินการาจี
23.30 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 342
06.20 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดีภาพและความประทับใจ
เงื่อนไขการให้บริการ
5/6 ถ.เทศบาลสงเคราะห์ ลาดยาว จตุจักร กทม. 10900
Operate by Incentive One CO.,LTD